ถ้าเราจะลองส่องกล้องมองคนในโลกนี้ โดยใช้เล็นซ์มุมกว้างที่เรียบง่ายดูเฉพาะภาพใหญ่
จะเห็นได้ว่า ในโลกเรานี้มีคนเพียง 4 ชนิดใหญ่ๆ เท่านั้น
คือ คนดี คนเคยไม่ดี คนเคยดี
และคนไม่ดี แต่ถ้าจะใช้เล็นซ์สมรรถนะสูงก็จะดูได้ละเอียดกว่า
สามารถจดจ้องได้จุกจิกกว่า
แบ่งชนิดของคนออกได้มากชนิดกว่า
แต่เราก็จะสูญเสียความเรียบง่ายและภาพใหญ่ไป
: :
ลองดูในภาพใหญ่ : :
เวลาคนอยู่รวมกันมากๆ
เป็นชุมชนหรืออยู่ในองค์กร ย่อมมีคนหลากหลายชนิด
ห้ามไม่ให้มีชนิดใดชนิดหนึ่งย่อมไม่ได้
ดังนั้น
คนดี ต้องคอยช่วยกันดุแล
และช่วยกันพยุงชุมชนหรือองค์กรนั้นๆ
ให้มุ่งไปในทิศทางที่ถูกต้อง
นอกเหนือจากนั้นต้องให้โอกาส คนเคยไม่ดี
ที่คิดได้ที่กลับตัวกลับใจได้ ให้เขาเหล่านั้นเป้นแนวร่วมในการส่งเสริมพัฒนาชุมชนหรือองค์กร
ส่วน คนเคยดี
ต้องมีเหตุที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป ดังนั้น คนดี
ต้องช่วยกันให้กำลังใจให้โอกาส ให้เขากลับไปเป็น คนดี
เหมือนที่เคยเป็นมาในอดีต
อย่าทอดทิ้งหรือปล่อยปละเขาเป็น คนเคยดี อยู่อย่างนั้น
หากสามารถดึงเขากลับมาดีใหม่ได้
ก็จะเป็นกำลังสำคัญของชุมชนหรือองค์กรอีกครั้งหนึ่ง
สุดท้าย
ต้องยอมรับความจริงที่ว่า ในสังคมใดๆ ต้องมี คนไม่ดี
อยู่บ้าง
แต่ต้องไม่มีจำนวนมากเกินที่จะรับมือมิฉะนั้นสังคมนั้นๆ
จะอยู่ไม่ได้
เบื้องต้นต้องเชื่อไว้ก่อนว่าคนส่วนใหญ่ลึกๆ แล้วไม่อยากเป็น
คนไม่ดี หรอก แต่มีเหตุปัจจัยที่ทำให้เขาดำรงตนเป็น
คนไม่ดี คนดี ทั้งหลายต้องจับมือกับ
คนเคยไม่ดี พยายามเข้าใจ หาเหตุจูงใจ
ให้กำลังใจ และผลักดันด้วยความรัก
เป้าหมายสุดท้ายก็เพื่อแปรสภาพให้เขาเป็น คนเคยไม่ดี
ในที่สุด
ที่สำคัญต้องยอมรับอีกว่า
โลกใบนี้กว้างใหญ่ไพศาลนักไม่ว่า ณ
ที่หนใดหรือในชุมนุมชนใด มี ที่ว่าง
สำหรับคนทุกชนิดเสมอ อยู่กันได้แม้กระทั่ง คนไม่ดี
ก็สามารถอยู่ได้
อีกอย่างหนึ่งเพราะเขาไม่ดีจึงทำให้เราเห็นว่า คนดี
ต่างกันอย่างไร
เรื่องของคน ต้องยอมรับว่า "ยุ่งจริงหนอ"
แต่นี่เป็นความจริงของชีวิตที่ทุกคนต้องมีส่วนช่วยกัน
จนกว่าจะถึงวันนั้น วันที่ คนดี เป็น
คนที่เคยมีชีวิต อยู่ จึงจะหยุดความพยายาม.